แนะนำสูตรอาหาร พร้อมวิธีทำ ทำกินก็ได้ ทำขายก็รวย ติดตามกันด้วยนะคะ :-)


June 05, 2017

รีวิว Haier ตู้เย็น 1 ประตู Muse series ขนาด 6.3 คิว รุ่น HR-CEA18-VB (สีฟ้า/ดำ)

การเก็บรักษาผักสด ผลไม้สด เนื้อสัตว์สดหรือแม้แต่อาหารหลายๆอย่างที่ต้องการให้อายุการเก็บรักษาสิ่งเหล่านี้ยืนยาวขึ้นโดยการรักษาอุณหภูมินั้น จำเป็นที่เราๆท่านๆต้องพึ่งพาสิ่งนี้ นั่นคือตู้เย็นนั่นเอง
ซึ่งในปัจุบันนี้คุณแม่บ้าน คุณพ่อบ้านทั้งหลายก็คงมีตู้เย็นติดบ้านกันทุกคนนะ แต่ว่าในบางบ้านนั้นตู้เย้นเพียงตู้เดียวอาจไม่เพียงพอที่จะใช้เก็บรักษาอาหารต่างๆได้แน่ๆ

วันนี้เราเลยมาเสนอ  ตู้เย็น ซึ่งกำลังลดราคากันแบบสุดๆอยู่ คือ Haier ตู้เย็น 1 ประตู Muse series ขนาด 6.3 คิว รุ่น HR-CEA18-VB  (สีฟ้า/ดำ)  ซึ่งมีความโดดเด่นสวยงาม เนื่องจากผู้ผลิตใช้สีพ่นเคลือบพิเศษผสมเมทัลลิค จึงดูเงางามและทนทานในทุกสภาพอากาศ มือจับที่ประตูตู้ก็ออกแบบให้จับได้ถนัดมือ และเปิด-ปิดสะดวกคล่องตัวทุกการใช้งาน ชั้นวางด้านบนสามารถวางของได้ พื้นผิวภายนอกตู้เย็นทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคราบสกปรกจับตัวฝังแน่น ตู้เย็นของคุณจะดูใหม่สวยงามอยู่เสมอ อีกทั้งยังมีขนาดกะทัดรัด สามารถจัดวางได้อย่างลงตัวทุกพื้น และด้วยระบบการทำงานทรงประสิทธิภาพ

Haier ตู้เย็น 1 ประตู Muse series ขนาด 6.3 คิว รุ่น HR-CEA18-VB (สีฟ้า/ดำ) มีระบบกระจายความเย็นแบบไดเร็คคูล ละลายน้ำแข็งกึ่งอัตโนมัติ ใช้งานง่ายเพียงกดปุ่มเดียว และหากใครกังวลว่าตู้เย็นนี้จะกินไฟหรือทำให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ก็หมดกังวลได้ เพราะผู้ผลิตได้ออกแบบโดยคำนึงถึงเรื่องของการประหยัดพลังงานไว้ด้วย โดยได้บุฉนวนกันความร้อนให้หนาขึ้น และตู้เย็นนี้ก็ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 การันตีได้ว่า ไม่กินไฟอย่างแน่นอน
ที่สำคัญตอนนี้ลดราคากันอยู่ด้วยนะจ๊ะ คุณแม่บ้าน คุณพ่อบ้านจ๋า ถ้าถูกใจใช่เลยก็รีบๆไปสอยมาไว้เลยจ้า

สารพันประโยชน์ “น้ำมันมะกอก” เพื่อสุขภาพที่ดี

ประโยคที่ว่ากินอะไรได้อย่างนั้น เรียกว่าเป็นประโยคคลาสสิคที่ใช้เตือนใจให้หันมาใส่ใจสุขภาพ ที่หากรู้จักทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ก็จะสุขภาพดีตามไปด้วย หลายคนจึงหันมาทานอาหารคลีน โดยเริ่มต้นง่ายๆจากการปรุงอาหาร และเลือกใช้น้ำมันมะกอก ที่เป็นน้ำมันสกัดธรรมชาติจากผลมะกอก อันเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับปรุงอาหารเพื่อสุขภาพ มาใช้ผัด ทอด ตามเดิมได้อย่างไม่รู้สึกผิด ซึ่งเบอร์ทอลลี่ แบรนด์น้ำมันมะกอกชื่อดัง ได้แนะนำประโยชน์ดีๆ 4 ข้อ ของน้ำมันมะกอกไว้ว่า


1. น้ำมันมะกอกช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล เพราะน้ำมันมะกอกไม่มีส่วนประกอบของเกลือ แถมยังปราศจากคอเลสเตอรอล และอุดมไปด้วยไขมันชนิดไม่อิ่มตัวถึง 77% โดยเฉพาะกรดโอเลอิกหรือกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว


“สิ่งที่น่าสนใจ คือ น้ำมันมะกอกนั้นมีส่วนประกอบของกรดโอเลอิกถึง 80% ซึ่งการบริโภคไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวหรือกรดโอเลอิกที่ว่านี้ในปริมาณที่สมดุลและพอเหมาะ สามารถช่วยรักษาระดับคอเลสเตอรอลให้คงที่ และยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคต่างๆที่ตามมาจากการมีระดับคอเลสเตอรอลสูงได้อีกด้วย” นายพศิษฐ์ คณาศิริชัยนนท์ นักกำหนดอาหารวิชาชีพและวิทยากรด้านอาหารและสุขภาพ จากเพจเฟสบุ๊คชื่อดังด้านอาหารและโภชนาการ ‘เมื่อวานป้าทานอะไร?’ กล่าว

2. น้ำมันมะกอกอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งไม่พบในน้ำมันชนิดอื่นๆ และยังอุดมไปด้วยวิตามินอี น้ำมันมะกอกเพียงหนึ่งช้อนโต๊ะมีวิตามินอีมากถึง 8% ของปริมาณวิตามินอีที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ในน้ำมันมะกอกยังประกอบด้วย สารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ และสารโพลิฟีนอล ที่ไม่พบในน้ำมันชนิดอื่นๆ นอกจากนี้ ยังไม่ก่อให้เกิดโรคหัวใจ หลอดเลือด และโรคเบาหวาน

3. น้ำมันมะกอกป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด น้ำมันมะกอกมีปริมาณของกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูงกว่าน้ำมันพืชชนิดอื่นๆ เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ดทานตะวัน นอกจากนี้ น้ำมันมะกอกยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับเส้นเลือด ลดภาวะเกล็ดเลือดจับตัวเป็นลิ่ม ช่วยให้เส้นเลือดแข็งแรงขึ้น และยังช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์อีกด้วย

“คนที่ได้รับกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวจากน้ำมันมะกอกเป็นประจำนั้น จะมีระดับของคอเลสเตอรอลในเลือดชนิด LDL ต่ำ ซึ่ง LDL นี้เองที่เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญอันก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดนั่นเอง” นายพศิษฐ์ คณาศิริชัยนนท์ กล่าวเสริม

4. น้ำมะกอกช่วยลดเบาหวานได้หลายวิธี ตามที่กล่าวไปข้างต้นว่า น้ำมันมะกอกนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระนี้ สามารถช่วยลดความเสียหายจากสภาวะเครียดออกซิเดชัน (oxidative stress) อันเป็นผลมาจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงได้ จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดสภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานได้เป็นอย่างดี รวมทั้งอาการที่เกิดขึ้นจากเส้นประสาทชนิดต่างๆ ถูกทำลายโดยโรคเบาหวาน (diabetic neuropathy) ภาวะความเสียหายของประสาทในเรตินา (retinal neuropathy) ภาวะความดันเลือดสูง และโรคหัวใจ


น้ำมันมะกอกยังสามารถช่วยต้านการอักเสบซึ่งเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ได้อีกด้วย โดยน้ำมันมะกอกจะช่วยลดการอักเสบและผลข้างเคียงจากการอักเสบในระยะยาวได้ เช่น ในโรคเบาหวาน และสภาวะแทรกซ้อนจากการเป็นโรคเบาหวาน

ขอบคุณเรื่องดีๆจาก matichon

May 17, 2017

รีวิว NATURAL เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ 6000BTU รุ่น NAP-5060

โอ๊ยช่วงนี้อากาศบ้านเรามันร้อนได้ใจจริงๆนะว่ามั๊ย ครั้นจะเปิดแอร์ตลอดทั้งวันทั้งคืนก็ไม่ไหวกับค่าไฟที่แพงขึ้นแน่ๆ พัดลมธรรมดาก็เริ่มเอาไม่อยู่แล้ว ช่วงนี้เลยขยันเข้าหาดูไปสินค้าประเภทที่ให้ความเย็นไม่ต่างจากแอร์แต่ว่าประหยัดงบได้ดีกว่า


 แน่นอนวันนี้เราเจอแล้ว แอร์เคลื่อนที่ NATURAL 6000BTU รุ่น NAP-5060 ตัวนี้ตอบโจทย์ทุกท่านได้ดีแน่กับช่วงอากาศแสนร้อนแบบนี้ ซึ่งสินค้าชิ้นนี้มีช่วงเวลาโปรโมชั่นอยู่นะในตอนนี้ ราคาก็สบายๆกระเป๋า สะดวกสั่ง สะดวกส่งถึงที่ แถมมีการรับประกันคุณภาพกันด้วยนะ
 ทีนี้แหละไม่ว่าจะนั่งจะนอนตรงก็เย็นกายสบายใจแน่ๆ เพราะ NATURAL 6000BTU รุ่น NAP-5060 ตัวนี้คุณสามารถลากมันไปตรงนั้นตรงนี้ได้ ดีกว่าแอร์แน่นอนเลยจ้านายจ๋า อย่ารอช้าเลยจ้ารีบๆหามาติดบ้านไว้เลยจ้าตอนนี้

Product details of NATURAL เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ 6000BTU รุ่น NAP-5060

NATURAL เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ 6000BTU รุ่น NAP-5060
ประเภท / Type     แอร์เคลื่อนที่  NATURAL
รุ่น / Model     NAP-5060
     
สี / color     ขาว
ขนาดความจุ (ลิตร) / Capacity (L.)     6,000 BTU.
แรงดันไฟฟ้า (โวลท์/เฮิรตซ์) Electrical Rating (voltage/hertz)      220 V./ 50 -60 Hz.
กำลังไฟฟ้า (วัตต์) / Electrical Power (watt)      630 W
กระแสไฟฟ้า (แอมป์)     2.62 A
ความเร็วรอบ (รอบ/นาที) / Rotary Speed (r/min)      -
สวิตซ์ควบคุมความเร็วรอบ / Control Switch      มี
ระดับควบคุมความเร็วรอบ / (speed control)     มี
ขนาดสินค้า (เฉพาะตัวเครื่อง)  (กว้าง x ยาว x สูง)     30.5 x 32.8 x 67.8 cm
ขนาดสินค้า / 1 กล่องเล็ก (กว้าง x ยาว x สูง)      34.5 x 37.8 x 84.0 cm
ขนาดสินค้า / แพ็ค/กล่อง (PCS / Carton)     1 กล่อง / แพ็ค
น้ำหนักสินค้ารวมกล่อง / แพ็ค/กล่อง (PCS / Carton)     22  Kg

May 16, 2017

กินดี ผิวดี สวยจากข้างใน ดีต่อใจที่ใครๆก็หลงรัก

 ในยุคที่สาวๆหันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้น เราปฏิเสธไม่ได้ว่า การดูแลตัวเองแค่เพียงภายนอกมันไม่เพียงพอเสียแล้วกับสภาวะที่เปลี่ยนไปของโลกเรา จากการที่เราเคยดูแลผิวแค่เพียงใช้โลชั่นธรรมดาก็สามารถทนต่อแดดหรือมลพิษได้แล้ว ปัจจุบันนี้ มลพิษต่างๆล้วนเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งแสงแดดในขณะนี้ก็ทวีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้น สาวๆเลยต้องหันมาสนใจดูแลตัวเองทั้งจากภายในและภายนอก


 ซึ่งการดูแลตัวเองจากภายนอกก็ได้แก่การใช้ครีม โลชั่น ทาบำรุงผิว ส่วนการดูแลจากภายในนั้นได้แก่การกินสิ่งดีๆมีประโยชน์ โดยแพทย์หญิงฤดีรัศมิ์ ลี หรือคุณหมอหยิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและศาสตร์แห่งการชะลอวัย ดีกรีคุณหมอจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล  และด้านผิวหนังจากมหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ ประเทศอังกฤษ รวมถึงด้านเวชศาสตร์การชะลอวัยและฟื้นฟูจากอเมริกัน บอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ก่อตั้งสถาบันความงามครบวงจร ยูอาร์ คลินิก (UR Clinic) คลินิกการดูแลผิวพรรณด้วยศาสตร์แห่งการชะลอวัยที่ผสานการดูแลรักษาความงามของผิวพรรณภายนอกและการดูแลสุขภาพภายในเอาไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ด้วยทักษะความชำนาญของแพทย์เฉพาะทางผนวกกับเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยที่ได้มาตรฐานระดับโลก



ซึ่ง 7 เคล็ดลับการรับประทานอาหารเพื่อผิวเด็กของคุณหมอหยินมีดังนี้

  1.  มะเขือเทศ ในมะเขือเทศจะมีสารไลโคปีนที่มีวิตามินหลายชนิด อาทิ วิตามินบี 1, วิตามินบี 2, วิตามินเค, วิตามินเอ และวิตามินซี ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยลดฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสิว, ฝ้า, กระ, จุดด่างดำ และยัง ปกป้องผิวจากรังสี UV ช่วยให้ผิวขาว เปล่งปลั่ง และกระจ่างใส
 2.   เบต้าแคโรทีน อาหารผิวชนิดนี้สามารถพบได้ในผัก และผลไม้ที่มีสีส้ม, สีเหลือง และสีแดง อาทิ แครอท, ฟักทอง,  หน่อไม้ฝรั่ง, ข้าวโพดอ่อน, แตงโม, แคนตาลูป, มะละกอสุก รวมถึงผักที่มีสีเขียว อาทิ บร็อกโคลี่, มะระ, ผักบุ้ง, ต้นหอม, ผักคะน้า และผักตำลึง ที่มีคุณสมบัติช่วยเรื่องการมองเห็นในที่มืดได้ดี และยังช่วยป้องกันผิวจากรังสี UV ได้อีกด้วย ส่งผลให้ผิวกระจ่างใสไร้ฝ้า กระ ที่เป็นปัญหาก่อกวนใจสำหรับสาวๆ
 3.   ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ อาทิ แบล็คเบอร์รี่, บลูเบอร์รี่, ราสเบอร์รี่ และสตรอว์เบอรี่ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินซี และสาร ต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ผิว และปกป้องผิวจากรังสี UV รวมถึงช่วยกระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ ทำ ให้ผิวพรรณขาวใส เปล่งปลั่ง ดูอ่อนกว่าวัย และยังช่วยลดปัญหาสิว, ริ้วรอย, ฝ้า, กระ และจุดด่างดำอีกด้วย
  4.  น้ำมะนาว น้ำผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี และสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และลบเลือนริ้วรอย, ฝ้า, กระ และจุดด่างดำ ทำให้ใบหน้าขาวใสมีสุขภาพผิวที่ดี


 5.   แอปเปิ้ลเขียว มีคุณสมบัติช่วยให้ขับถ่ายดี และมีสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงมีวิตามินซีสูง สามารถป้องกันผิวจากการเกิดฝ้าได้เป็นอย่างดีดี อีกทั้งยังช่วยเพิ่มอิลาสตินในชั้นผิวให้ผิวมีความยืดหยุ่น ลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย พร้อมบำรุงผิวให้ขาวกระจ่างใส
 6.   ตระกูลถั่ว อาทิ ถั่วลิสง, ถั่วเขียว, ถั่วแดง, เมล็ดทานตะวัน และอัลมอนด์ ที่มีเบต้าแคโรทีน, วิตามินอี และวิตามิน บี12 ช่วยในการยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระ และปกป้องผิวจากรังสี UVจึงสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง   ผิวหนัง รวมถึงทำให้ผิวชุ่มชื้น ละชะลอการเกิดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี
  7.  น้ำเปล่า การดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว สามารถช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เนียนนุ่ม น่าสัมผัส และยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว, ฝ้า, กระ และผิวหมองคล้ำ ดังนั้น การดื่มน้ำในปริมาณที่พอเหมาะ จึงทำให้ผิวสดใสดูเปล่งปลั่งอยู่ตลอดเวลา และยังทำให้ฝ้าดูจางลงได้อีกด้วย


สุขภาพผิวที่ดีสามารถบ่งบอกถึงความใส่ใจในการดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นเหล่าคนรักความงามก็ต้องเรียนรู้วิธีการดูแลผิวพรรณให้สวยกระจ่างใส เพื่อโอกาสที่ดีในอนาคต และสามารถติดตามเคล็ดลับการดูแลผิวให้สวยสุขภาพดีจากคุณหมอหยินได้ทาง Facebook: UR Clinic และ Facebook: Young สาว Young สวย by Dr. Yhin : Youth Expert



เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมจาก matichon

May 12, 2017

ไข่ไก่กินได้ทุกวัน กินได้ทุกวัย


ไข่ไก่ฟองเล็กๆ แต่เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพ ที่พร้อมด้วยแร่ธาตุสำคัญ และมีคุณค่าทางอาหาร มีความจำเป็นต่อร่างกายของคนทุกวัยอยู่มากมาย

ในไข่ไก่ 1ฟอง มีกรดอะมิโนจำเป็นทุกชนิด มีวิตามิน และเกลือแร่อีกหลายชนิด เช่น วิตามินเอ  วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 วิตามินบี 9  (กรดโฟลิก) วิตามินบี12  เหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม วิตามินอี  เซเรเนียม (Selenium)  ที่ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ช่วยชะลอวัย และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ  รวมทั้งยังเป็นแหล่ง DHA และ EPA ที่ช่วยป้องกันโรคสมาธิสั้นในเด็ก   นอกจากนั้น ไข่ไก่ยังเป็นหนึ่งในอาหารธรรมชาติไม่กี่ชนิดที่มีวิตามินดี และไข่แดงยังมีปริมาณเลซิติน และโคลีน มากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน ซึ่งเลซิติน และโคลีนเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อร่างกาย และสมองของมนุษย์  เช่น  ช่วยเพิ่มเซลล์สมอง และพัฒนาระบบประสาท ให้กับเด็ก  ช่วยปรับไขมันในเลือดให้ดีขึ้นโดยเพิ่ม เอชดีแอล-คอเลสเตอรอล และลดแอลดีแอล-คอเลสเตอรอล และ ไตรกลีเซอไรด์


คุณสมบัติของไข่ไก่มีความเหมาะสมกับคนทุกเพศทุกวัย สำหรับผู้ที่มีสุขภาพปกติ สามารถรับประทานไข่ไก่ได้วันละ 1-2 ฟอง  แต่คนไทยกลับมีการบริโภคไข่ไก่ในปริมาณที่ต่ำมาก โดยในปี 2558 มีการบริโภคที่ 220 ฟองต่อคนต่อปี ขณะที่การบริโภคไข่ของประเทศอื่นๆ เช่น จีนมีการบริโภคที่ 340 ฟองต่อคนต่อปี ญี่ปุ่น 330 ฟองต่อคนต่อปี  มาเลเซีย 300 ฟองต่อคนต่อปี และสหรัฐอเมริกา 290 ฟองต่อคนต่อปี

ด้วยเหตุนี้ สมาคมผู้ผลิต ผู้ค้า และส่งออกไข่ไก่  สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ และสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้ ภายใต้การสนับสนุนของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board)จึงได้ทำโครงการรณรงค์บริโภคไข่ไก่ ในปี 2559-2561 เพื่อให้ผู้บริโภคได้เห็นถึงคุณประโยชน์จากการรับประทานไข่ไก่  โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มการบริโภคของคนไทยในปี 2561 ให้เป็น 300 ฟองต่อคนต่อปี  

ผลประเมินการรณรงค์บริโภคไข่ไก่ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (ตุลาคม 2559- มีนาคม 2560) จากการสำรวจโดยบริษัท YouGov  พบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่มองว่า คนทุกวัยสามารถบริโภคไข่ได้ทุกวัน ผู้สูงอายุเชื่อว่าสามารถกินไข่ได้มากกว่า 2 ฟองต่อสัปดาห์ และไข่ไม่มีผลต่อปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกาย


นอกจากนี้ งานวิจัยของ Frank B.Hu และคณะ มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด สหรัฐอเมริกา ที่ศึกษาเกี่ยวกับการบริโภคไข่ไก่และความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด จากกลุ่มคนกว่า 110,000 คน เป็นระยะเวลา 14 ปี ได้ผลสรุปว่า การรับประทานไข่ไก่วันละ 1 ฟอง ไม่ส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และยังมีงานวิจัยอื่นๆ อีก 5 ฉบับ ที่ช่วยยืนยันว่า ในคนที่มีร่างกายปกติ สามารถรับประทานไข่ไก่ได้ สัปดาห์ละ 6 ฟอง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย ทั้งโรคหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดสมอง แต่จะมีความเสี่ยงสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน

ด้วยความเข้าใจในคุณประโยชน์ของไข่ไก่ที่เพิ่มมากขึ้นนี้เอง ได้ส่งผลให้การบริโภคไข่ไก่ของคนไทยในปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 240 ฟองต่อคนต่อปี   ซึ่งเรวัติ หทัยสัตยพงศ์ ประธานคณะกรรมการโครงการรณรงค์บริโภคไข่ไก่ 300 ฟอง กล่าวว่า การรรณรงค์ที่ทำนี้ไม่เพียงเพื่อให้คนไทยได้บริโภคไข่ไก่ที่มากด้วยประโยชน์  ยังช่วยให้ผู้เลี้ยงไก่ไข่ และผู้เกี่ยวข้องสามารถยืนหยัดในอุตสาหกรรมได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน   ถือเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอีกทางหนึ่ง



ไข่ไก่ จึงเป็นอีกเมนูสุขภาพสำหรับทุกครัวเรือนในการนำไปปรุงเป็นอาหารได้อย่างหลากหลายทั้งคาวและหวาน เพื่อนำไปสู่สังคมคนไทยสุขภาพแข็งแรง

ขอบคุณข้อมูล matichon

November 30, 2016

เทศกาลเที่ยวเมืองกาญจน์ อาหารอร่อย ประจำปี 2559 (ครั้งที่4)”อร่อยพื้นบ้าน วัฒนธรรมพื้นถิ่น”

จังหวัดกาญจนบุรี ขอเชิญเที่ยวงานเทศกาลเที่ยวเมืองกาญจน์ อาหารอร่อย ประจำปี 2559 (ครั้งที่ 4)” อร่อยพื้นบ้าน วัฒนธรรมพื้นถิ่น” ระหว่างวันที่ 9-11 ธันวาคม นี้ ณ ลานด้านข้างศาลา 60 พรรษามหาราช ท่าน้ำเมืองกาญจน์ พบกับอาหารอร่อยกว่า 100 เมนู ผลิตภัณฑ์ของฝากขึ้นชื่อ ชมการแสดงวัฒนธรรมพื้นถิ่นและประเพณีสืบเชื้อสายของชนชาติ ร่วมจุดเทียนถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทุกวันเวลา 18.00น.โดยพร้อมเพียงกัน


นายศักดิ์ สมบุญโต ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า จังหวัดกาญจนบุรีเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย เป็นจังหวัดที่มีทรัพยากร ทางการท่องเที่ยวมากมาย ทั้งภูเขา แม่น้ำ ป่าไม้ ถ้ำ และน้ำตก ตลอดจนสถานที่สำคัญๆ ทางประวัติศาสตร์ เช่น ด่านเจดีย์สามองค์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และการผจญภัย จึงทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศที่เดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก อีกทั้งจังหวัดกาญจนบุรี ยังเป็นจังหวัดศูนย์กลางการค้าชายแดนเชื่อมภูมิภาคตะวันตก “ท่าเรือน้ำลึกทวาย” และยังเป็นจังหวัดเป้าหมายในการค้าการลงทุน และการท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน อีกด้วย จึงได้มอบให้สมาคมการค้าอาหารจังหวัดกาญจนบุรี จัดกิจกรรมเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการค้าอาหาร และแผงลอยของจังหวัดกาญจนบุรี ให้มีศักยภาพสามารถรองรับ ความเติบโตทางเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในอนาคต การดำเนินการจัดกิจกรรมและประชาสัมพันธ์ ให้ผู้ประกอบการค้าอาหารได้ตระหนักถึงการปรุงอาหารด้วยความสะอาด ถูกสุขอนามัย และมีรสชาติที่อร่อย


อีกทั้งการให้บริการที่ประทับใจ และเพื่อรองรับการเจริญเติบโตด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรี นับได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะสามารถรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนจังหวัดกาญจนบุรี ในแต่ละปีมีเป็นจำนวนมาก

“จากศักยภาพดังกล่าวข้างต้น สมาคมการค้าอาหารจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับจังหวัดกาญจนบุรี โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกาญจนบุรี ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการร้านอาหาร และแผงลอยในจังหวัดกาญจนบุรี กิจกรรมเทศกาลเที่ยวเมืองกาญจน์อาหารอร่อย ประจำปี 2559 ซึ่งกำหนดให้จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 9-11 ธันวาคม นี้ ณ ลานด้านข้างศาลา 60 พรรษามหาราช ท่าน้ำเมืองกาญจน์ จะเป็นกิจกรรมที่สามารถพัฒนาและกระตุ้นศักยภาพการพัฒนาด้านอาชีพของผู้ประกอบการค้าอาหารให้ พัฒนาฝีมือ รสชาติอาหาร และความปลอดภัยต่อผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ส่งเสริมให้จังหวัดกาญจนบุรี มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและการบริการด้านอาหารมากยิ่งขึ้น”


นายวิเชียร เจนตระกูลโรจน์ นายกสมาคมการค้าอาหารจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมเทศกาลเที่ยวเมืองกาญจน์ อาหารอร่อย ประจำปี 2559 นี้ นับเป็นกิจกรรมต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 4 โดยจัดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนธันวาคม ซึ่งปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-11 ธันวาคม 2559 สำหรับปีนี้ได้จัดกิจกรรมโดยเน้นการฟื้นฟูอาหารพื้นบ้านที่ทำจากวัตถุดิบของพื้นถิ่นจากแต่ละอำเภอ ร่วมชิมแกงป่าเมืองกาญจน์กระทะยักษ์ ในวันเปิดงาน อีกทั้งการร่วมกิจกรรมออกร้านอาหารอร่อยของจังหวัดกาญจนบุรีกว่า 100 เมนู พร้อมจำหน่ายวัตถุดิบพื้นบ้านเพื่อการปรุงอาหารของฝากของที่ระลึก ฯลฯ

สำหรับการแสดงบนเวทีนั้น ศิลปินแห่งชาติคนเมืองกาญจน์ จะมาร่วมถ่ายทอดอาหารพื้นบ้านและบรรเลงขับกล่อมดนตรีไทยร่วมกันคือ ท่านอ.เนาวรัตน์ พงศ์ไพบูลย์ และอ.สมชัย ชำพาลี ร่วมด้วยการแสดงโชว์วัฒนธรรมพื้นบ้าน ประเพณีพื้นถิ่นของชาวกาญจนบุรีที่ต่างชนชาติ แต่ล้วนอาศัยอยู่ในผืนแผ่นดินกาญจนบุรีด้วยกัน

นายกสมาคมการค้าอาหารจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า กิจกรรมที่สำคัญอีกอย่างคือ การจัดกิจกรรมร่วมจุดเทียนถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดชระหว่างวันที่ 9-11 ธันวาคม 2559 เวลา 18.00น. ที่บริเวณงาน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานและชาวจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร่วมกันถวายความอาลัยในครั้งนี้โดยพร้อมเพียงกัน โดยสมาคมการค้าอาหารจังหวัดกาญจนบุรี ได้จัดเตรียมเทียนไว้ให้กับผู้ร่วมงานทุกท่าน นอกจากนี้ยังได้จัดนิทรรศการ ”ท่องเที่ยวตามรอยเสด็จกาญจนบุรี” ซึ่งพระองค์ได้ทรงเสด็จมายังจังหวัดกาญจนบุรีในสถานที่ต่าง ๆ ถึง 10 แห่ง


ในโอกาสนี้จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาเที่ยวงานเทศกาล เที่ยวเมืองกาญจน์ อาหารอร่อย ประจำปี 2559 และขอขอบคุณผู้ร่วมการจัดกิจกรรมนี้ จังหวัดกาญจนบุรี ท่องเที่ยวกีฬาจังหวัดกาญจนบุรี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สนง.กาญจนบุรี เทศบาลเมืองกาญจนบุรี หอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี น้ำดื่มJC และที่ปรึกษาคณะกรรมการและสมาชิกสมาคมการค้าอาหารจังหวัดกาญจนบุรี ทุกท่านที่ร่วมการจัดกิจกรรมในครั้งนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก matichon

November 17, 2016

แนะกิน ‘ข้าวกล้อง’ ตามรอยพ่อหลวง มีเส้นใย-วิตามินต้านอนุมูลอิสระ สกัดโรคเพียบ

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน นพ.วิศิษฎ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ให้สัมภาษณ์ว่า สบส.ได้เร่งเผยแพร่ความรู้ในการบริโภคข้าวเพื่อสุขภาพที่ดี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงให้ความสำคัญต่อประโยชน์ของข้าวกล้องและเสวยข้าวกล้องทุกวัน ดั่งกระแสพระราชดำรัสเมื่อ พ.ศ.2541 ว่า “ข้าวกล้องนี่ เรากินทุกวัน เพราะว่ามีประโยชน์ ร่างกายแข็งแรง ข้าวขาวนี้ เอาของดีออกไปหมด และข้าวกล้องนี่ดี คนบอกว่ากินข้าวกล้องแล้วเป็นคนจน เรานี่เป็นคนจน” สบส.จึงได้อัญเชิญและน้อมนำกระแสพระราชดำรัสมาเป็นแนวทางปลูกฝังพฤติกรรมคนไทยหันมาบริโภคสิ่งที่เป็นประโยชน์และมีอยู่แล้วในประเทศ เพื่อเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท


นพ.วิศิษฎ์ กล่าวว่า ข้าวกล้องผ่านกระบวนการขัดสีเพียงครั้งเดียว ทำให้ยังมีจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ เส้นใยอาหาร ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพสามารถป้องกันโรคไม่ต่ำกว่า 10 โรค เช่น ท้องผูก ภูมิแพ้ เหน็บชา ปากนกกระจอก ผิวหนังอักเสบ รวมทั้งป้องกันโรคสมัยใหม่ ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง มะเร็ง หัวใจขาดเลือด โรคอ้วน ควบคุมไขมันในเลือดสูง กระดูกพรุน


ทางด้าน พญ.นภาพรรณ วิริยะอุตสาหกุล ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กรมอนามัย สธ.กล่าวว่า ข้าวกล้องมีสีน้ำตาลนวล และมีส่วนสำคัญคือ จมูกข้าวอยู่ที่ส่วนหัวของเมล็ดซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหาร มีเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวซึ่งเป็นเส้นใยอาหารห่อหุ้มวิตามิน แร่ธาตุหลายชนิด ซึ่งในข้าวสารขาวจะมีน้อยมากเพราะถูกขัดสีออก สำนักโภชนาการได้ศึกษาวิจัยพบว่า ในข้าวกล้องหอมมะลิหุงสุก น้ำหนัก 100 กรัม หรือประมาณ 1 ทัพพีครึ่ง มีสารอาหารที่บำรุงสุขภาพมากถึง 11 ชนิด สูงกว่าข้าวขัดขาว เช่น มีใยอาหาร (Fiber) 1.4 กรัม มากกว่าข้าวขัดขาว 7 เท่าตัว มีแร่ธาตุ คือ แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก และมีวิตามินบี 1 บี 2 บี 3 หรือไนอะซิน วิตามินอี คุณค่าอาหารของข้าวหอมมะลิกล้องนี้ใกล้เคียงกับข้าวเจ้าซ้อมมืออื่นๆ เช่น ข้าวเหนียวกล้อง และข้าวมันปู


“เส้นใยในข้าวกล้องจะช่วยลดความเข้มข้นของสารก่อมะเร็งที่อาจมีอยู่ในอาหาร และเร่งเวลาในการขับถ่ายกากอาหารที่ย่อยแล้วออกเป็นอุจจาระ ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อย่างดี ลดความเสี่ยงเกิดโรคอื่นๆ เช่น โรคลำไส้โป่ง โรคริดสีดวงทวาร โรคเบาหวาน โรคอ้วน ผู้ใหญ่ควรได้รับเส้นใยอาหารวันละ 25 กรัม ส่วนเด็กคิดจากอายุแล้วบวกเพิ่มอีก 5 เช่น อายุ 5 ขวบ ควรได้รับเส้นใยอาหาร 10 กรัม โดยได้จากการกินข้าวกล้อง ผัก และผลไม้ ส่วนวิตามินบี 1-3 วิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ ช่วยในการทำงานระบบประสาท สมอง ทำให้ความจำดี อารมณ์ดี ส่งเสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อหัวใจ” พญ.นภาพรรณ กล่าวและว่า ในการเลือกซื้อข้าวกล้อง ควรเลือกเมล็ดข้าวที่ไม่มีรอยแหว่งตรงปลายเม็ดข้าว เพราะจมูกข้าวจะหลุดหายไป และบรรจุในถุงสะอาด ปิดสนิท หรือถุงสุญญากาศ หากซื้อจากโรงสีควรซื้อในปริมาณที่สามารถบริโภคหมดภายใน 2–3 สัปดาห์ ส่วนวิธีการหุง แนะนำให้ซาวข้าวโดยไม่ต้องใช้น้ำมาก และไม่ต้องถูเมล็ดข้าว ซาวเร็วๆ เพียงครั้งเดียว เพื่อลดความสูญเสียสารอาหาร วิตามินจากเมล็ดข้าว จากนั้นใส่น้ำและวัดระดับด้วยนิ้วชี้ประมาณ 2 ข้อ จะได้ข้าวที่นุ่มอร่อย

ที่มา matichon

แฟนเพจจ้า!

Deal เครื่องใช้ในครัวเรือน สุดฮอต ลดกระหน่ำ


เมนูที่คนอ่านมากที่สุด

Flag Counter

Powered by Blogger.