ถั่วเปลือกแข็ง ดีต่อผู้ป่วยความดัน

คงจะดีไม่น้อยถ้าจะมีของขบเคี้ยวที่ช่วยให้ปากไม่อยู่ว่าง ช่วยให้ลิ้นได้รับรสที่อร่อย และที่สำคัญ ช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดี ข่าวดีก็คือของขบเคี้ยวที่ว่านี้มีอยู่จริง ซึ่งก็คือถั่วเปลือกแข็ง (nuts) ทั้งหลาย เช่น อัลมอนด์ วอลนัต พิสตาชิโอ เป็นต้น ดังผลจากการวิเคราะห์งานวิจัยโดยคณะ
นักวิจัยชาวอิหร่าน ซึ่งตีพิมพ์ใน The American Journal of Clinical Nutrition เมื่อเร็วๆ นี้
คณะนักวิจัยที่นำโดย Mohammadifard แห่งศูนย์วิจัยระบบหลอดเลือดหัวใจอิสฟาฮาน ได้นำงานวิจัยเกี่ยวกับผลของการรับประทานถั่วเปลือกแข็งต่อความดันเลือดตัวบนและ/หรือ
ความดันเลือดตัวล่างที่มีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501 ถึงตุลาคม 2556 จำนวน 21 งาน ซึ่งรวมผู้เข้าร่วมการศึกษาที่มีอายุระหว่าง 18-86 ปีได้ทั้งหมด 1,652 คน ผลการวิเคราะห์พบว่าการรับประทานถั่วเปลือกแข็งช่วยลดความดันตัวบนในผู้ที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ และเมื่อวิเคราะห์ถึงชนิดของถั่วต่อการลดความดันตัวบนแล้ว ถั่วพิสตาชิโอให้ผลดีที่สุด ส่วนผลของการรับประทานถั่วเปลือกแข็งต่อความดันตัวล่างนั้น เมื่อวิเคราะห์ผลโดยรวมพบว่าการรับประทานถั่วเปลือกแข็งไม่ได้ช่วยลดความดันตัวล่าง แต่เมื่อวิเคราะห์แยกชนิดถั่วแล้วพบว่าการรับประทาน
พิสตาชิโอช่วยลดความดันตัวล่างในผู้ที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้
ผู้วิจัยอธิบายว่าเบื้องหลังผลดีของถั่วเปลือกแข็งต่อระบบหลอดเลือดหัวใจน่าจะมาจากการที่พวกมันอุดมด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว แต่มีกรดไขมันอิ่มตัวเพียงเล็กน้อย อย่างพิสตาชิโอ
อบแห้ง ¼ ถ้วย (32 กรัม) มีกรดไขมันอิ่มตัวเพียง 1.78 กรัม กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 7.75 กรัม
และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 4.45 กรัม นอกจากนี้อาจมีสารอาหารและพฤกษเคมีอื่นๆ ที่มีบทบาทด้วย เช่น ใยอาหาร โปแตสเซียม แมกนีเซียม ฟลาโวนอยด์ ไฟโตสเตอรอล เป็นต้น
ถั่วเปลือกแข็งจึงนับเป็นทางเลือกสุขภาพอย่างหนึ่งที่ได้ทั้งผลดีและความอร่อย อย่างไรก็ตามมีข้อควรตระหนักว่าถั่วเปลือกแข็งที่รับประทานควรเตรียมด้วยการอบ ไม่ใช่การทอด ไม่ควรใส่เกลือเพิ่ม และที่สำคัญถั่วเปลือกแข็งให้พลังงานสูงมาก อย่างพิสตาชิโอ ¼ ถ้วยก็ให้พลังงานถึง 183 กิโลแคลอรี วอลนัตอบแห้ง ¼ ถ้วย (31 กรัม) ให้พลังงาน 193 กิโลแคลอรี อัลมอนด์อบแห้ง ¼ ถ้วย (35 กรัม) ให้พลังงานถึง 206 กิโลแคลอรี ผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์หรืออ้วนจึงควรระมัดระวังไม่เคี้ยวจนเพลินเกินไป
ขอบคุณภาพและบทความจาก healthtoday